การโค้ชเพื่อเสริมสร้างพลังชีวิต ตอนที่ 3
ที่มา : http://www.gotoknow.org/posts/362739
เช้าวันที่สาม เริ่มโค้ชตามเอกลักษณ์ของตนเอง
เช่นเดิม เมื่อคืนฝนตกหนักตอนตี สาม กว่าๆ ทำให้อากาศยามเช้า เย็นสดชื่น อาหารมื้อเช้าสุดแสนงดงามและอร่อย ไม่ได้ถ่ายรูปมา เลยเอาของเช้าวันแรกมาให้ดูพลางๆ
เริ่มต้นกิจกรรมแรก อ.ให้จับคู่คุยเรื่องการบ้านเมื่อคืน ใครไปทำอะไร ผลเป็นอย่างไร เล่าสู่กันฟัง จากนั้นนำมาแบ่งปันวงใหญ่ บางคนบอกว่าโค้ชลูก โค้ชสามี ที่เด็ดสุด คือ โค้ชตัวเอง
กิจกรรมถัดมาก็แปลกดี ให้หาอาสาสมัครมานั่งหน้าห้อง (อีกแล้ว) แต่คราวนี้ ให้เพื่อนๆ ในห้อง ช่วยบอกคุณสมบัติที่มองเห็นของเพื่อนคนนั้น เช่น หน้าตาเป็นมิตร ดูเป็นกันเอง ยิ้มเก่ง เปิดเผย พอพูดกันจนหมดแล้ว ก็มาดูที่ คุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ด้านใน ถ้าเรารู้จักเขาก็ง่ายที่จะบอก แต่ถ้าไม่รู้จัก อันนี้ต้องใช้ verb to dao (เดา) ทั้งหลายทั้งปวง สิ่งที่บอกออกมาต้องเป็นบวก เสร็จแล้ว ลองสรุปออกมาเป็นฉายาของคนคนนั้น จะเป็นบุคคล ต้นไม้ รูปธรรม นามธรรม อะไรก็ได้ที่คิดว่าเป็นสมญานามของเขาได้
อ.ทดลองทำให้ดู 2 คน คนแรกเป็นหญิง คนที่สองเป็นชาย ฉายาที่ได้ถ้าเพื่อนตั้งให้ไม่พอใจ ก็เปลี่ยนตามใจได้ จากนั้นให้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แล้วทำกิจกรรมนี้ จนทุกคนได้รับฉายา แล้ว ให้เขียนป้ายแขวนคอ ออกมาประกาศสมญานามของตัวเอง พร้อมท่าทางประกอบ
ครึ่งวันสุดท้าย พวกเราได้จับคู่โค้ชกันอีก โดยเลือกคนที่เราอยากไปจับคู่กันตามใจชอบ ไม่ซ้ำคนหน้าเดิม เมื่อโค้ชเสร็จให้เพื่อนที่เป็นคนรับการโค้ช สะท้อนความรู้สึก และบอกว่า ลีลา กระบวนการโค้ชเป็นไปตามสมญานามของโค้ชหรือไม่ สำหรับเรา ตั้งสมญานามให้ตัวเองว่า ไนติงเกล ซึ่งมาจาก ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล จำได้ว่าประทับใจเรื่องราว คุณความดีของบุคคลท่านนี้ ท่านมีฉายาเหมือนกัน “Lady with the Lamp” คนในแวดวงการพยาบาลรู้จักดี ผู้มาพร้อมแสงสว่างมาช่วยเหลือคนเจ็บป่วยในยามค่ำคืน
กิจกรรมสุดท้ายจับคู่โค้ช ในหัวข้อเดียวกันหมด “เราจะนำการโค้ชไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไร” เงื่อนไขครั้งนี้ต้องทำให้ได้ ความรับผิดชอบออกมาว่า แต่ละคนจะกลับไปใช้กับใคร กำหนดเสร็จเมื่อไร และต้องมีการแจ้งผลให้เพื่อนทราบ มีการแลกเบอร์โทรศัพท์และ e-mail address กันเพื่อจะได้ติดต่อแจ้งผลให้ทราบ
สรุป การเรียนรู้ในครั้งนี้ สิ่งที่ได้รับมากที่สุด คือ ความประหลาดใจ ที่สามวัน ผ่านไปด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่ อ.ทั้งสองท่านค่อยๆ หยอดให้พวกเรา จะทำให้เราสามารถโค้ชเป็น เทียบกับวันแรกที่ไม่รู้อะไรเลย
เมื่อกลับมาทำงาน แม้จะยังไม่ได้โค้ชใครเป็นเรื่อง เป็นราว แต่ทักษะของการใช้คำถามทรงพลัง การตั้งใจฟัง และใช้ญาณทัศนะในการตั้งคำถาม ตอนไปนำ workshop และใช้ในการพูดคุยกับพนักงาน ก็ช่วยให้เห็นผลแตกต่างจากเดิม
รักและคิดถึง อาจารย์ จ๊ะ กับ อ. ณ และเพื่อนร่วมห้องทุกคน ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ สำหรับมิตรภาพ และความช่วยเหลือทุกประการ รวมทั้ง คุณไก่ เจ้าหน้าที่ของ อาศรมวงศ์สนิท แม่ครัวฝีมือสุดยอด และอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ยุง แมลงหวี่ แมลงวัน มด ที่มาทดสอบความอดทนของพวกเรา 555…