ตราไว้ในดวงจิต ตอน4

Posted on

ตอนที่ ๔ บ้านใหม่

ที่มา : หนังสือ ตราไว้ในดวงจิต บันทึกเรื่องราวอาศรมวงศ์สนิทยุคบุกเบิก เขียนโดย ศิริพร โชติชัชวาลย์กุล


022

เราย้ายออกจากบ้านป้าแดงเข้าอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จตอนกลางเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๘ ทั้งลุงสมชาย ป้าปอนและคุณพรหมเห่อบ้านใหม่พอกันเพราะต่างยังไม่เคยมีบ้านของตัวเองมาก่อน บ้านใหม่นี้ก็ใช่ว่าเป็นของเรา หากเป็นบ้านของมูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป เช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่จะตามมาในที่ดินผืนนี้ในอนาคตต่อไป แต่ก็เป็นบ้านหลังแรกที่เราได้ครอบครองอยู่กันตามลำพัง ลุงสมชายกับป้าปอนนั้นนับแต่แต่งงานกันมา เราก็อาศัยอยู่ในบ้านของคุณพ่อ

คุณแม่ลุงสมชาย ครั้งนี้จึงเป็นการแยกเรือนโดยแท้ เราไม่เคยมีสมบัติข้าวของเครื่องใช้ประเภทเครื่องเรือนมาก่อนนอกจากเตียงนอน หมอน ฟูก ตู้เสื้อผ้าใบโต ซึ่งก็เกะกะเกินกว่าที่จะขนมาบ้านใหม่นี้ เราจึงยังเก็บไว้ที่กรุงเทพฯสมบัติที่นำมาจากกรุงเทพฯ เป็นหนังสือจำนวนสัก ๒,๐๐๐ เล่มเห็นจะได้ พร้อมกับอุปกรณ์การเขียนหนังสือและการพิมพ์ดีด เรามีเครื่องพิมพ์ดีดมือขนาดกระเป๋าหิ้ว ๑ เครื่อง ของพวกนี้เป็นเครื่องมือทำมาหากินของเราสมัยอยู่กรุงเทพฯ และเราก็ยังรักที่จะใช้มันต่อไป ซึ่งในเวลาต่อมาที่อยู่ในอาศรมนี้เมื่อถึงคราวขัดสน เราก็ได้อาศัยค่าตอบแทนที่ลุงสมชายได้รับจากการเขียนเรื่องสั้นหรือบทความเป็นครั้งคราวช่วยต่อชีวิตคุณแม่ลุงสมชายได้กรุณาแบ่งหม้อและถ้วยชามให้เราจำนวนหนึ่ง เราซื้อสิ่งจำเป็นเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย อาทิ เตาแก๊ส เตาถ่าน กระทะ กะละมัง ถังน้ำฯลฯ ภายหลังเราได้รับความกรุณาจากอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ และพี่นิลฉวีภรรยาอาจารย์ แบ่งเครื่องใช้ที่จำเป็นมาให้อีก ได้แก่ตู้ใส่หนังสือแบบโบราณและตู้กับข้าวอย่างละใบ สวยงามมาก ทั้งสองสิ่งนี้เป็นของมารดาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีเสื่อ หมอน โต๊ะ เก้าอี้ หม้อ ถาด จาน ชาม กระทั่งตะเกียบและของจำเป็นอื่นๆ อีกมากมาย ต่อมาเมื่อเรามีแขกมาเยี่ยมบ่อยๆ สิ่งของเหล่านี้มีประโยชน์มาก

เราให้ช่างปลูกบ้านสองหลังอยู่ใกล้ๆ กัน หลังที่หนึ่งป้าปอนอยู่กับลุงสมชายให้ชื่อว่า “เรือนแรก” หลังที่สองให้ชื่อ “เรือนรอง” ให้คุณพรหมอยู่ คั่นกลางด้วยโรงอเนกประสงค์หลังคาจากไม่มีฝาอีกหนึ่งโรง บ้านทั้งสองหลังพื้นไม้ฝาผนังและหลังคาเป็นจาก น่ารักมาก เราขัดถูทุกวัน อยากจะให้พื้นกระดานเป็นมันเรี่ยมเหมือนบ้านคนอื่นที่อยู่กันมานาน ซึ่งก็ได้ผลดี เพียงไม่กี่เดือนพื้นกระดานที่เคยดูหยาบมากตอนเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ก็เริ่มเรียบเป็นเงาขึ้นมา

เราได้ประสบการณ์ตอนอาศัยในบ้านป้าแดงว่า ครัวที่อยู่บนดินดูจะไม่ค่อยสะอาดบางครั้งมีฝุ่นดินฟุ้งขึ้นมาลงในอาหาร ครั้นหน้าฝนก็อาจมีน้าไหลนอง เข้ามาเฉอะแฉะ ถ้าปิดประตูไม่มิดชิดสัตว์เลี้ยงพวกหมา แมว ไก่ ก็มักจะเข้ามารื้อค้นขโมยอาหารกิน บ้านของเราก็เลยขอให้ช่างกั้นห้องครัวเล็กๆ บนบ้านติดกับห้องนอน แต่ครั้นมีครัวบนบ้านเข้าจริงๆ เราก็รู้สึกว่าบ้านและพื้นไม้ของเรายังใหม่เกินกว่าที่จะยอมให้เกิดร่องรอยจากการหุงต้มเตาถ่านบนบ้าน เกินกว่าที่จะล้างผัก ล้างปลา ล้างหมู ล้างชามบนพื้นกระดานบ้าน เราก็เลยเลือกใช้เตาแก๊ส และการล้างภาชนะและอาหารก็ยังคงขนไปล้างริมคลองเช่นเดิม ตกลงครัวของเราก็เลยใช้สอยไม่สะดวก ทุลักทุเลอยู่นานกว่าจะชิน

บริเวณที่ถมดินสูงเพื่อสร้างบ้านนี้เรียกว่าโคก โคกบ้านเราเป็นโคกที่ยกขึ้นใหม่ก็เลยดูโล้นๆ ไม่มีต้นไม้เลย มีกอไผ่โทรมๆ รากลอยจะตายมิตายแหล่กอหนึ่งอยู่หน้าโคกด้านที่ติดคลอง ๑๕ เรารีบบำรุงกอไผ่นี้โดยการกั้นไม้รอบโคนกอแล้วขุดดินจากในคลองมาเสริมให้ท่วมโคนคลุมราก เอาผักตบชวาจากในคลองสุมเข้าไปเยอะๆ จะได้เป็นปุ๋ย เสร็จงานนี้ก็หาหน่อไผ่ใหม่มาลงปลูกเพิ่มอีกห้าต้นรอบบ้าน ปลูกไม้โตเร็วจำพวกชมพูพันธุ์ทิพย์ หางนกยูง หูกวาง ไว้ริมโคกทุกด้าน ไม้พวกนี้เราปลูกไปพร้อมกับที่ช่างสร้างบ้าน พอบ้านเสร็จก็จัดแจงปลูกไม้ประดับ เช่น พลับพลึง สาวเชียงใหม่ หรือบางคนเรียกแพรเซี่ยงไฮ้ คุณนายตื่นสายพุทธรักษา ธรรมรักษา และพวกว่านต่างๆ ตามแต่จะหาได้ รอบบ้านหว่านเมล็ดกระถินจำนวนมากด้วยหวังจะมีรั้วกินได้ แต่ไม่สำเร็จ กระถินไม่งอกเลยแม้แต่ต้นเดียว ไม่ทราบว่าเพราะอะไร สุดท้ายเลยเปลี่ยนเป็นรั้วพู่ระหง ไม้โตเร็วกับไม้ประดับพวกนี้พอได้ฝนก็โตเร็วดีจริงๆ บรรดาไม้ที่มีดอกก็ออกดอกกันดารดาษพื้นให้เราได้ชื่นชม ชื่นใจกว่าตอนปลูกผักที่เอาแต่ล้มเหลวให้เราต้องเรียนรู้เรื่องความอดทน ความพยายาม และหาความรู้ด้านการเกษตร