ตราไว้ในดวงจิต ตอน8

Posted on

ตอนที่ ๘ เป็ด ไก่ หมา แมว

ที่มา : หนังสือ ตราไว้ในดวงจิต บันทึกเรื่องราวอาศรมวงศ์สนิทยุคบุกเบิก เขียนโดย ศิริพร โชติชัชวาลย์กุล


036เราต้องคอยดูแลไม่ให้เจ้าหมาน้อยขย้ำลูกเป็ด เจ้าสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ก็ยังเด็กทั้งสองฝ่าย ยังไม่ค่อยรู้จักเพื่อนร่วมโลกสักกี่อย่าง เจ้าหมาน้อยชอบไปยืนยืดคอริมคอกเป็ดชะเง้อแอบดูฝูงเป็ดวิ่งไปวิ่งมา ถ้าเจ้าเป็ดน้อยอยู่คนละมุมกับหมาก็จะไม่มีการตกใจ หมาก็จะเฝ้ามองอยู่นาน แต่บางครั้งหมาเกิดโผล่หัวไปด้านที่ลูกเป็ดมายืนออกันอยู่พอดี พอจ๊ะเอ๋กันต่างฝ่ายต่างสะดุ้งตกใจ หันหลังวิ่งหนีกันทั้งหมาทั้งเป็ด ดูแล้วน่าขันน่าเอ็นดู เราเฝ้าดูอยู่สักสัปดาห์ พอเห็นมันไม่หักหาญกัน อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติก็วางใจ

เลี้ยงลูกเป็ดได้ ๕ วันยังไม่เคยนำมันลงน้ำเลยเพียงแต่นำน้ำใส่อ่างเล็กๆ วางในเล้า จนเพื่อนลุงสมชายที่เคยเลี้ยงเป็ดมาเยี่ยมเรา เขาจัดการต้อนลูกเป็ดไปเล่นน้ำริมคลองหน้าบ้าน ลูกเป็ดต่างกับไก่ตรงที่แม้ออกจากไข่เพียงวันเดียวมันก็ว่ายน้ำได้ มีคนเคยเอาไข่เป็ดให้แม่ไก่ฟักเล่าว่าเขามีแอ่งน้ำอยู่ใกล้บ้าน พอแม่ไก่ฟักลูกเป็ดออกมาก็เฝ้าเลี้ยงดู ลูกเป็ดเจอน้ำก็ลงไปว่ายเล่น แม่ไก่คงนึกว่าลูกตัว

ช่วงแรกเราปล่อยเป็ดให้เล่นน้าในคลองเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และคอยเฝ้าดูตลอดเวลาจนถึงเวลาต้อนกลับเล้า กลัวเหยี่ยวจะมาโฉบไป จนลูกเป็ดโตและคุ้นเคยที่อยู่ไม่หลงหายไปไหนเราก็ปล่อยทั้งวัน เย็นมันกลับมาเข้าเล้าเอง ภายหลังเมื่อเราจ้างรถมาขุดบ่อเลี้ยงปลา เราสร้างเล้าเป็ดคร่อมบนบ่อปลาเพื่อให้เป็ดถ่ายลงบ่อเป็นปุ๋ยสร้างอาหารปลา และปลาได้กินอาหารเป็ดที่ตกหล่นเรี่ยราดด้วยอันนี้เป็นความรู้ที่ป้าปอนจำได้จากการที่อาจารย์คณะสังคมวิทยา-มานุษยวิทยามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พาไปดูงานที่ฟาร์มใหญ่แห่งหนึ่งสมัยที่เรียนวิชาสังคมวิทยาอุตสาหกรรม ที่ฟาร์มนั้นเลี้ยงหมูบนบ่อปลา เลี้ยงไก่ในกรงเหนือเล้าหมูอีกชั้นหนึ่ง เป็นการประหยัดพื้นที่และใช้ทรัพยากรอาหารสัตว์และมูลสัตว์อย่างคุ้มค่า ป้าปอนจึงจำลองแบบมาแต่ย่อส่วนลงสักสิบเท่า

ทุกเช้าเมื่อเราปล่อยเป็ด เป็ดทั้งฝูงก็จะออกไปหาผักหญ้าตามลำคลองกิน พอตกเย็นจึงกลับมากินข้าวในเล้าเป็นการประหยัดค่าอาหารได้มาก ตอนที่เป็ดยังเล็กมีอยู่วันหนึ่งหลังจากปล่อยลูกเป็ดเล่นน้ำและต้อนกลับเข้าเล้าแล้วป้าปอนเดินตรวจดูว่ามีตัวไหนหลงไปบ้าง ก็ได้ยินเสียงลูกเป็ดน้อยร้องอยู่ตัวหนึ่งเข้าไปดูใกล้ๆ จึงเห็นว่ามันติดอยู่ในตาข่ายดักปลาของชาวบ้าน ดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด ป้าปอนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำอย่างไรดี ด้วยนิสัยที่ไม่คุ้นเคยสัตว์ตัวเล็กๆ และนี่มีขนและเปียกด้วยจะจับก็ขยะแขยง แต่ถ้าไม่ช่วยมันก็จะร้องจนหมดแรงและจมน้าตาย สุดท้ายด้วยความสงสารป้าปอนตัดสินใจเอื้อมมือจับลูกเป็ดที่กำลังเปียกปอนน่าเกลียด ปลดมันออกจากตาข่าย มันดิ้นอยู่ในมือคราใดป้าปอนก็สะดุ้งโหยง รู้สึกกระอักกระอ่วนพิพักพิพ่วน แต่ในที่สุดก็ช่วยปลดปล่อยมันให้รอดตายได้ ต่อมาภายหลังอีกเป็นเดือน เมื่อเรามีลูกเจี๊ยบไก่ก็มีเหตุจำเป็นให้ป้าปอนต้องจับเพื่อช่วยชีวิตมันจากการตกในแอ่งโคลนอีกเช่นกัน ก็คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างป้าปอนกับสัตว์เลี้ยงดีขึ้นพอควร เมื่อเรามีแมวตัวใหม่ที่เด็กๆ ลูกเพื่อนบ้านนำมาให้แล้วช่วยกันตั้งชื่อว่า “ยุพาวดี” ป้าปอนก็คุ้นเคยกับมันขนาดที่ลูบคลำได้อุ้มได้ ให้มันนอนบนตักได้ (เพื่อนชื่อน้อยมาเยี่ยม อิจฉาว่าตั้งชื่อแมวหรูไป เธอเองยังมีชื่อแค่ “ยุพา”)

`พอเข้าปีที่สองของการอยู่ที่อาศรมวงศ์สนิทเราซื้อลูกเป็ดมาเลี้ยงเพิ่มอีก ๑๕๐ ตัว เป็นเป็ดไข่ ๑๐๐ ตัว เป็ดเนื้อ ๕๐ ตัว เป็ดไข่นั้นคาดว่าถ้าออกไข่วันละ ๗๐-๘๐ ฟองก็จะขายในหมู่บ้านเป็นรายได้เลี้ยงพวกเรา สำหรับชาวบ้านก็จะได้บริโภคไข่ราคาถูก เพราะเราขายโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง เป็ดเนื้อกะว่าจะเลี้ยงไว้เป็นอาหาร หรือเลี้ยงแขกและเพื่อนฝูงที่มาเยี่ยมเรา ไม่ต้องไปซื้ออาหารเนื้อที่อื่น คงจะเป็นการประหยัดเงินได้บ้าง

เจ้าขาวกับเจ้าแต้มนั้นเล่า เราเลี้ยงดูอิ่มหมีพีมันโตวันโตคืน เจ้าของเดิมบอกว่ามันเป็นหมาลูกผสมพันธุ์เกรดเด็น แต่คงจะเชื้อสายปลายแถวเต็มทีจนไม่เห็นร่องรอย เราเลยพอใจจะเรียกมันอย่างเอ็นดูว่าพันธุ์ “เศษเดน” เจ้าขาวหุ่นเป็นหมาไทย ขนเกรียน ลำตัวเพรียวมัดกล้ามแข็งแรง ฉลาดเฉลียวและมีการเรียนรู้เร็วมาก ส่วนเจ้าแต้มหุ่นน่ารักแบบหมาพันธุ์ผสม ขนปุกปุยตัวอ้วนกลม ป้าปอนเลยออกจะลำเอียงรักเจ้าแต้มมากกว่า แต่ลุงสมชายรักเจ้าขาว แถมว่าเจ้าแต้มนั้นโง่เง่ามีเหตุให้ถูกตีทุกวัน ตีจนคนตีเจ็บมืออ่อนใจมันก็ยังไม่รู้เรื่อง เจ้าขาวนั้นโดนตีครั้งสองครั้งก็ไม่ต้องโดนอีก แล้วเรื่องกินเก่งตะกละล่ะก็ต้องยกให้แต้มเป็นที่หนึ่ง เวลาเราโปรยข้าวสุกที่เหลือๆ ให้ไก่กิน หมาตัวอื่นจะไม่สนใจเพราะข้าวเป็นเม็ดๆ อยู่กับดินเก็บกินยาก แต่แต้มไม่หวั่น ลงคลุกอยู่กลางวงไก่ ดูแล้วไม่มีศักดิ์ศรีหมาเหลือเลย ป้าปอนเลยเปลี่ยนเอาข้าวสารให้ไก่หมายจะแกล้งเจ้าแต้มที่ไหนได้ ดูอยู่สักครู่ได้ยินเจ้าแต้มเคี้ยวข้าวสารเสียงดังกรุบ กรุบ

น่าเสียดายที่เราเลี้ยงเจ้าหมาน้อยคู่นี้ได้เพียงสามสี่เดือนมันทั้งคู่ก็ถูกเจ้าด่างหมาบ้านป้าแดงที่กำลังเป็นบ้ากัด มันก็เลยมีอาการตามไปด้วย ขาวเป็นก่อน เริ่มไม่กินอาหาร วิ่งหลังแข็งชักกะตุก เป็นอย่างนี้อยู่สัปดาห์กว่า แต่เวลาเรียกยังรู้เรื่องและไม่กัดเจ้าของ เราสงสารจึงประวิงเวลาไปเรื่อยๆ เจ้าด่างนั้นถูกลูกสาวป้าแดงสำเร็จโทษด้วยปืนยาว ครั้นภายหลังเจ้าขาวหงุดหงิดมากขึ้น มักจะแว้งกัดคน ปล่อยไว้เกรงจะเป็นอันตรายเราจึงตัดสินใจฆ่ามัน เป็นเรื่องเศร้าที่ทำให้เราซึมไปหลายวัน คืนก่อนตายเจ้าขาวดูดีขึ้นมาก ป้าปอนเรียกมาใกล้ ๆ บอกให้นั่งมันก็ทำตามโดยดี ป้าปอนดีใจคิดว่าพรุ่งนี้มันคงกินข้าวได้ แต่รุ่งขึ้นมันก็ไม่ดี ลุงสมชายกับอ้วนเด็กผู้ชายที่มาเป็นเพื่อนเราตัดสินใจช่วยกันทุบหัว นาทีนี้ยิ่งเศร้า ลุงสมชายเรียกมันมาใกล้ๆ มันก็วิ่งไปหาอย่างดีใจ ลุงสมชายกับอ้วนทุบคนละทีมันก็ตายด้วยเดิมมันก็ไม่มีเรี่ยวแรงอยู่แล้ว ผอมเหลือแต่กระดูก ไม่กินข้าวมาสัปดาห์กว่า ลุงสมชายจัดการแล้วก็น้ำตาซึม เสียใจอยู่หลายวัน ไม่กี่วันต่อมาเจ้าแต้มก็มีอาการบ้าง แต่เด็กเพื่อนบ้านช่วยจัดการให้

สักสามสี่เดือนจากนั้นเราขอลูกหมาจากเพื่อนบ้านมาเลี้ยง แต่ไม่เกินสามเดือนก็ไม่สบายตายทั้งคู่อีก เราไม่ค่อยสบายใจ ไม่รู้ว่าเลี้ยงดูมันผิดพลาดอย่างไร ตอนนี้ก็มีแต่หมาโตๆ สามสี่ตัวของเพื่อนบ้านชอบมาอยู่กับเราไม่ยอมกลับบ้าน จนเราออกกลัวโดนข้อหาล่อลวงหมา

บ้านสวนที่มีสัตว์เลี้ยงหลายชนิดมีชีวิตชีวาที่สุด นกหลายชนิดก็ชอบมาอยู่กับเรา มีตั้งแต่นกเอี้ยงมากินข้าวตามลานบ้าน นกเขาทำรังอยู่บนต้นตาลคู่ข้างบ้านขันคู-จุ๊กกรู้ จุ๊กกรู ทุกวัน แล้วยังมีนกเป็ดน้ำ นกต้อยตีวิด นกสีส้ม สีฟ้าและอื่นๆ อีกหลายชนิดที่เราไม่รู้จักชื่อ มาบินวนเวียนเกาะที่โน่นที่นี่ให้เราชมทุกวัน นอกจากนั้นในฤดูฝนก็มีสัตว์ที่อาจเป็นอันตรายเช่น งู ตะขาบ แมงป่องอยู่ทั่วไป รวมทั้งกบ คางคก หนอน แมลง มาช่วยทำให้ประชาคมน้อยๆ ในอาศรมวงศ์สนิทเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ยังไม่มีกระรอก กระแต ลิง ค่าง บ่าง ชะนีด้วยว่าผลไม้ของเรายังไม่ออกผล และสภาพแวดล้อมทั่วไปก็ห่างไกลความเป็นป่ามาก

ความสัมพันธ์ที่เหมาะสมระหว่างมนุษย์ สัตว์ พืช ย่อมจะยังประโยชน์ซึ่งกันและกัน การไม่เบียดเบียนกันย่อมนำมาซึ่งความผาสุก