คุณลุงผู้ฝนไม้ขีดไฟ...ผู้จุดประกายบ้านดิน...แห่งชีวิตฉัน
เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ฉันเดินหลับตาเข้ามายังสถานที่ลับแลแห่งหนึ่งย่าน คลอง ๑๕ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ที่กล่าวเช่นนี้เนื่องจากว่า ฉันมาถึงที่นี่ได้โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ที่นี่คือที่ไหน รู้เพียงว่าที่นี่กำลังต้องการผู้ประสานงานโครงการบ้านดินคนใหม่ แต่โครงการบ้านดินคืออะไร อาศรมวงศ์สนิทคืออะไร มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีปคืออะไร และที่แย่ไปกว่านั้นคือ บ้านดินเป็นยังไงนั้น … ฉันไม่รู้เลย
สิ่งที่รับรู้ได้อีกอย่างคือที่นี่น่าอยู่มาก ต้นไม้เยอะ อากาศดี คนดี งานก็น่าจะดี นี่เป็นที่ที่ฉันฝันหา ฉันมั่นใจเต็มที่ว่าฉันมีคุณสมบัติที่เพียงพอที่จะทำงานที่นี่ แต่อนิจจา อาศรมฯ กำลังเปลี่ยนโครงสร้างงานขณะนั้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีฉันแล้วก็ได้ฉันจึงผิดหวังแต่แรกมา แต่ด้วยปรารถนาจะอยู่ที่นี่จริง ๆ จึงได้อ้อนวอนอาศรม ฯ ขอเพียงให้ฉันได้มีที่พักอาศัยและอาหารพอประทัง โดยไม่ขอค่าตอบแทน โชคดีจึงได้พากลับมา กับหน้าที่อาสาสมัครโครงการบ้านดินกับค่าตอบแทนอีกนิดหน่อย…(ซึ่งจริง ๆ ไม่น้อยเลย) และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ฉันดึงตัวเองลงมาติดดิน จุดเปลี่ยนที่ฟังดูต่ำแต่เป็นความสำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน
แต่ถึงกระนั้น…ฉันก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าตนเองจะทำประโยชน์อะไรให้กับโครงการ ฯ ได้บ้าง
งานแรกที่ได้รับมอบหมาย คือการเดินทางไปร่วมประชุมโครงการแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาที่ อ. หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ที่นั่นเป็นหมู่บ้านตั้งใหม่เล็ก ๆ อยู่ริมเทือกเขาที่ชาวบ้านเรียกว่า “ภูเขียว” และที่นี่ก็มีคนสร้างบ้านดินอยู
ฉันกลับมาถึงอาศรมวงศ์สนิทด้วยหัวใจดวงใหญ่กว่าตอนที่เดินทางออกไป รู้สึกภูมิใจเหลือเกินในหนทางที
คุณลุงเปรียบเสมือนชนวนบนกล่องไม้ขีดไฟ ที่ทำให้ก้านไม้ขีดไฟที่หาประโยชน์ในตัวเองไม่ได้อย่างฉัน ได้สัมผัสเป็นประกายไฟที่ส่องสว่างขึ้นมา นั่นเป็นแสงที่ใช่ว่าจะใช้ส่องนำเพียงแต่หนทางของฉัน แต่นั่นจะเป็นแสงที่ช่วยส่องสว่างให้คนหลงทางที่ฉันพบบนรายทาง ได้เดินทางไปสู่อิสรภาพร่วมกัน
ฉัน เริ่มกลับมาศึกษาความเป็นไปเป็นมาของบ้านดินจากแฟ้มโครงการที่พี่ ๆ ในโครงการได้สร้างผลงานไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ในนาม “โครงการบ้านดิน อาศรมวงศ์สนิท” ยิ่งเกิดความรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่พี่ ๆ ทุกคนมุ่งมั่นมอบสิ่งที่ดีงามให้สังคม ฉันเรียนรู้บ้านดินจากการอ่านหนังสือบ้างแต่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรนัก เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่บัณฑิตศึกษาศาสตร์อย่างฉันจะมาเรียนสร้างบ้าน แต่ฉันโชคดีที่ได้มีห้องเรียนที
สองปีเต็มกับการเรียนรู้บ้านดินในบทบาทหน้าที่ดังที่กล่าวมาแล้วนี้ ความรู้สึกสุข ทุกข์ เฉย ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นกับมนุษย์เราเป็นธรรมดา แล้วฉันเริ่มรู้สึกว่ากรอบการทำงานของฉันเริ่มแคบลงเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ จนฉันเริ่มอึดอัดใจกันยายน ๒๕๕๓ ฉันจึงตัดสินใจลาออกจากงาน ด้วยความต้องการเปิดพื้นที่อิสระให้ตนเอง ได้ทำในงานที่ตนเองรักอย่างไร้เงื่อนไข เต็มที่กับการลองผิดลองถูกโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อบุคคลใด และเลือกที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ในแบบฉบับของตนเอง และนับแต่นั้นชีวิตฉันก็เริ่มรู
“บ้านดิน” ฉันเรียกงานนี้ว่าเป็นงานแห่งชีวิต เป็นความสามารถหนึ่งที่ฉันจะขอส่งมอบความถูกต้องดีงามให้กับโลกใบนี้ ฉันต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตนเองอย่างพอประมาณ พร้อม ๆ กับการไม่หลงลืมที่จะขัดเกลาจิตวิญญาณของตนเอง
ฉันคงไม่บอกลาบ้านดิน เพราะฉันเชื่อว่ายังมีคนอย่างคุณลุงอยู่อีก ณ ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากโลกใบนี้
หนอน