จากดินสู่บ้าน...สร้างบ้านด้วยดิน
บ้าน คือส่วนหนึ่งของปัจจัยสี่ ซึ่งทุกคนควรมีได้โดยไม่ยาก เพราะมันเป็นพื้นฐานของการมีชีวิตอยู่ สัตว์แทบทุกธรรมดาให้กลายเป็นเรื่องใหญ่และอยู่ไกลเกินกว่าจะฝันถึง หลายคนใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตหรือทั้งชีวิต เพื่อดิ้นรนที่จะมีบ้านเพียงหลังเดียว
ความจริงแล้วมนุษย์แทบทุกคนสามารถที่จะสร้างบ้านได้เองอย่างง่าย ๆ และมั่นคงเหมือนนกที่สร้างรังอันงดงามได้ภายในวัน 2 วัน เหมือนหนูที่ขุดรูอยู่ได้เพียงชั่วคืนเดียว แต่ระบบบริโภคนิยมที่มนุษย์กำลังหลงไหลตอนนี้ คือ ปัจจัยหลักที่ปกปิดไม่ให้คนเห็นศักยภาพของตนเอง ไม่ให้คนพัฒนาและใช้ศักยภาพที่มีอยู่เพื่อการพึ่งตนเอง เพราะการพึ่งตนเอง คือ อุปสรรคอันใหญ่หลวงของระบบเศรษฐกิจแบบบริโภคนิยม เศรษฐกิจจะเติบโตไม่ได้และคนคนใดคนหนึ่งจะร่ำรวยขึ้นมาไม่ได้ ถ้าคนส่วนมากพึ่งตนเอง หรือหาอยู่หากินเองโดยไม่ใช้เงินมาก
ดังนั้น ระบบการศึกษา ระบบเศรษฐกิจ จึงช่วยกันอบรมสั่งสอนและบีบบังคับให้มนุษย์กลายเป็นคนด้อยหรือพิการให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้าหากทำให้พิการทางความสามารถได้มากจนมนุษย์คนหนึ่งทำได้แค่ขันน็อตหรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้เพียงอย่างเดียว ทำอย่างอื่นไม่ได้เลย นั่นคือความสำเร็จหรือเป้าหมายสูงสุดของระบบบริโภคนิยม เพราะคนจะได้ทุ่มเททั้งชีวิตจิตใจทำงานหนักเพื่อที่จะได้ใช้เงินซื้ออย่างอื่นที่ตัวเองทำไม่ได้ ยิ่งซื้อมากก็ยิ่งทำให้เศรษฐกิจโต แม้แต่สิ่งที่ทำเองได้ เขาก็จะพยายามทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่ดีพอ คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน อาจจะไม่ปลอดภัยเป็นต้น ต้องซื้อจะมั่นใจและสบายใจกว่า จนบางคนในประเทศตะวันตกไม่ยอมเก็บแอปเปิ้ลจากสวนหลังบ้านมากิน เพราะไม่รู้ว่าจะเก็บอย่างไร หรือรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ต้องขับรถไปซื้อที่ตลาด
นี่คืออิทธิพลของระบบบริโภคนิยมที่กำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตและวิธีคิดของมนุษย์ทั้งโลกโดยไม่รู้สึกตัว เรายิ่งเรียนมากยิ่งพัฒนามากก็จะยิ่งอ่อนด้อยมาก ด้อยจนกระทั่งคนเริ่มรู้สึกว่า ไม่สามารถหาอาหารตามธรรมชาติได้เอง หรือได้มาก็ทำอาหารกินไม่เป็น เสื้อผ้าก็ไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร ทำให้เป็นเสื้อได้อย่างไร เจ็บไข้ก็ทำได้อย่างเดียวคือไปหาหมอ แล้วเรื่องบ้านก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องใช้เวลา 20-30 ปี เพื่อหาเงินมาซื้อบ้าน หลายคนรู้สึกว่าบ้านเป็นเรื่องไกลเกินฝัน
ความจริงแล้ว เพียงสองเท้ากับเรี่ยวแรงที่มีอยู่ เราสามารถพลิกฟื้นผืนดินที่เรายืนอยู่นี้ตั้งขึ้นเป็นบ้านที่สวยงามมั่นคงและอยู่สบายได้ภายในเวลาอันน้อยนิดและจ่ายเงินนิดหน่อย หรือไม่จ่ายเลยก็ยังทำได้สำหรับบางคน
การกลับมาทำบ้านดิน คือ การให้เวลากับตัวเอง อยู่ในบ้านดินทำให้เราทำงานน้อยลง เพราะบ้านปกติเราต้องใช้เวลามากกว่าจะได้บ้านมาหนึ่งหลัง แต่บ้านดินใช้เวลาแค่เดือนสองเดือนก็ได้แล้ว เรามีเวลาว่างมากขึ้น หัวใจของบ้านดินคือ ใช้สิ่งที่มีอยู่ เราสามารถควบคุมมันได้ ถ้าเราใช้วัสดุจากข้างนอกเราจะไม่สามารถควบคุมได้
การทำบ้านด้วยดินเป็นภูมิปัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของโลก แต่ถูกละเลยมองข้ามเพราะยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาและไม่มีคนอยากพัฒนาให้ดีขึ้นมากนัก อาจจะเป็นเพราะไม่เอื้อกับระบบธุรกิจเท่าไรก็เป็นได้
วันนี้อาจจะยังไม่สายเกินไป หากเราจะกลับมาพัฒนาต่อยอดจากอดีต โดยเริ่มเรียนรู้การทำบ้านดินกันใหม่ เพื่อฟื้นฟูความสามารถในการพึ่งตนเอง หรือขยับตัวออกจากร่มเงาของระบบบริโภคนิยมสักนิด เพื่อให้โอกาสศักยภาพในการพึ่งตนเองของเราเผยออกมาบ้างบางทีเราอาจจะได้สัมผัสกับอีกมุมหนึ่งของความรู้สึก ซึ่งเราอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็ได้ อิสรภาพและความภูมิใจจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเราพึ่งตัวเองไม่ได้
ต้นพรรษา๔๕
โจน จันใด